[SF] Cactus – Minho x Seungyoon

 

 

 

 

Title  :  Cactus

Pairing  :  Song Minho x Kang Seungyoon

Author  :  frozen worm  (by @frozen_worm)

Rating  :  PG

Status  :  One Shot

Note  :  ♫  Sad – Maroon5

 

 

 

golden-ball-cactus-cactus-echinocactus-grusonii-213732 (1)

 

 

 

…ท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้ง…

คุณคิดว่าต้นกระบองเพชรสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ?

       

 

 

 

 “นายยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม… ?”

 

นั่นคือประโยคแรกเมื่อประตูถูกเปิดออก คำทักทายที่ดูแปลกประหลาด หากแต่แทฮยอนกลับรู้สึกคุ้นชิน เลื่อนสายตาลงมองไปที่มือของผู้มาเยือนก็พบเข้ากับกล่องขนาดกลางที่ถูกห่อด้วยผ้าสีสวย ซึงยุนระบายยิ้มที่ดูอ่อนล้าส่งมาให้เจ้าบ้าน คนคิ้วตกได้แต่ถอนหายใจก่อนจะส่งยิ้มเจือนให้เพื่อนตัวบาง

 

ซึงยุนโทรบอกว่าจะมาหาเขาเมื่อประมาณ 40 นาทีก่อน เมื่อมาถึงเพื่อนตัวเล็กก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการนำอาหารทั้งหมดที่หอบหิ้วมาด้วยจัดลงจาน แทฮยอนได้แต่นั่งนิ่งมองอาหารมื้อค่ำมากมายที่ถูกจัดเตรียมอยู่บนโต๊ะ ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่ากับข้าวพวกนี้เป็นฝีมือใคร และสาเหตุที่มันถูกส่งตรงมายังเขาราวกับสั่งมาจากร้านอาหารชั้นดีก็คงเป็นเพราะคนๆ เดิม

 

“ซึงฮุนฮยองไม่อยู่หรอ สงสัยจะอดกินอาหารฝีมือฉันอีกแล้ว” พูดอย่างติดตลก เสียงหัวเราะบางเบาดังขึ้นอย่างขมขื่น สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดต่อ

 

“ไม่เป็นไร นายกินให้หมดนะแทฮยอน ฉันตั้งใจ ฮึ่ก… ตั้งใจทำ มากๆ” คำพูดถูกส่งมายังคนที่นั่งมองอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร น้ำเสียงสั่นเครือมาพร้อมธารน้ำตาที่ไหลริน แรงสะอื้นทำให้ประโยคนั้นขาดห้วง แต่คนพูดก็พยายามกลืนก้อนสะอึกนั่นลงคอก่อนจะพูดต่อจนจบประโยค

 

“ไม่ต้องร้องนะซึงยุน ไม่ต้องร้อง…” ฝ่ามืออุ่นเอื้อมไปกุมมือเพื่อนรักอย่างเห็นใจ บีบเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจอีกฝ่าย ไหล่เล็กนั่นสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นที่เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ หยาดน้ำใสยังคงหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยไม่ขาดสาย…

 

แกร่ก

 

“กลับมาแล้วหรอ” รอยยิ้มกว้างฉายขึ้นบนใบหน้าหวาน มือขาวละจากโต๊ะอาหารตรงหน้าก่อนจะเอี้ยวตัวหันกลับไปมองที่บานประตูไม้สีเข้ม ที่บัดนี้ปรากฏร่างของชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘คนรัก’ ของตนอยู่

 

“มาทานข้าวก่อนนะ วันนี้ฉันทำของโปรดนายทั้งนั้นเลย” ว่าพลางหันกลับมาจัดการกับโต๊ะอาหารตรงหน้าต่อ อาหารมากมายถูกจัดวางอย่างสวยงามบนโต๊ะกระจกใสขนาดกลาง ส่งกลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่วห้อง ดั่งต้องการจะเชิญชวนให้มาสัมผัสกับรสชาติที่ผ่านการปรุงแต่งมาอย่างพิถีพิถัน

 

“ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องเตรียมไว้ ฉันกินมาแล้ว” ซึงยุนชะงักทันทีที่ได้ยินประโยคตอบรับของอีกฝ่าย ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่บัดนี้เดินเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น มินโฮจัดการโยนกระเป๋าเอกสารลงบนโซฟาตัวยาวอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะปลดเนคไทออกจากคอเพื่อคลายความอึดอัด ตาคมตวัดมองอีกคนเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังถูกสายตาคู่สวยจับจ้องอยู่ คนที่ถูกจ้องกลับถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะค่อยๆ ปั้นยิ้มฝืดออกมา

 

“อ่ะ อ่า หรอ…” ก้มหน้าหลบสายตาของอีกคนด้วยการกวาดตามองอาหารบนโต๊ะที่บัดนี้กลับดูเย็นชืดไปเสียสนิท อาหารที่เขาตั้งใจทำเพื่ออีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ…

 

“งั้นนายก็ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ คงจะ…”

 

…Oh, but I’m scared to death
That there may not be another one like this
And I confess that I’m only holding on by a thin thin thread

 

เสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์เครื่องสวย ทำให้คำพูดของซึงยุนสะดุดลง ร่างหนาเสตามองคนในครัวเล็กน้อยก่อนจะเดินมาหยิบมันไปรับสายอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมอย่างไม่คิดจะปิดบัง ดวงตาเป็นประกายฉายความสุขมากล้นจนร่างบางที่มองอยู่ใจกระตุกด้วยความร้าวราน

 

รอยยิ้มที่เขาเคยได้รับ

 

รอยยิ้มที่เป็นของเขาเพียงคนเดียว…

 

“เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกนะ” กลั้นใจพูดออกไปขณะจัดเก็บโต๊ะอาหาร มองไปยังอีกฝ่ายอย่างมีความหวังกับปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายจะตอบรับเมื่อรู้ว่าเขาจะออกไปข้างนอกเพียงลำพังในเวลาเช่นนี้

 

“อืม” แต่ร่างสูงกลับตอบเพียงเท่านั้นก่อนที่จะหันหลังเดินคุยโทรศัพท์เข้าห้องนอนไป

 

ความน้อยใจตีรื้นขึ้นมาในความรู้สึก มินโฮไม่แม้แต่จะถามหรือสนใจว่าเขาจะไปไหน ไปทำอะไร ท่าทีเฉยชากับน้ำเสียงเย็นเยียบนั่นทำเอาซึงยุนหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจ ได้แต่ทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้โต๊ะอาหารอย่างอ่อนแรง ถอนหายใจออกมาเบาๆ ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มให้กับตัวเองอย่างนึกสมเพช

 

“ว่างไหม เดี๋ยวฉันไปหานะ” ซึงยุนหยิบยกโทรศัพท์เครื่องสวยขึ้นมาใช้งาน ร่างขาวกรอกคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก่อนจะตัดสายไป

 

โซฟาสีครีมถูกใช้เป็นที่พักพิงของแขกผู้มาเยือน ความเงียบเข้าปกคลุมจนรู้สึกได้ถึงความอึดอัด ซึงยุนเอาแต่นั่งนิ่ง แม้จะไม่ได้ร้องไห้แล้วในเวลานี้แต่ร่องรอยของความเจ็บปวดยังตกค้างให้เห็นอย่างเด่นชัด ดวงตาที่เคยสดใสและเป็นประกายอยู่เสมอยามแทฮยอนได้พบเจอ บัดนี้กลับหม่นแสง มันทั้งเศร้าและเหนื่อยล้า…

 

“วันนี้ผู้หญิงคนนั้นโทรมาหาฉัน” ริมฝีปากอิ่มเริ่มขยับพูดหลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก คิ้วบางขมวดเข้าหากันจนเกิดเป็นปม แทฮยอนได้แต่นั่งนิ่งรอฟังเรื่องราวจากเพื่อนตัวเล็ก

 

“เหมือนอยากให้ฉันยอมแพ้ เธอบอกว่ามินโฮอยู่กับเธอ” น้ำเสียงคนเล่าเริ่มสั่นเครือ ไหล่บางตกลู่ลงอีกครั้ง มือสวยยกขึ้นปิดหน้าตัวเองพร้อมกับส่ายไปมาอย่างสับสน

 

“ฉะ ฉันไม่ได้อยากเชื่อเธอ แต่เสียงมินโฮ… ฮึ่ก ฉันได้ยินเสียงมินโฮในสาย” ซึงยุนพยายามข่มกลั้นอารมณ์ หากแต่ขอบตานั่นกลับร้อนผ่าว

 

“แล้วเมื่อเย็น ฮึ่ก เธอก็โทรมะ… โทรมาหามินโฮ อึ่ก.. อีกรอบ ฮึ่ก” ราวกับเขื่อนที่มีรอยร้าวและตอนนี้คลื่นใหญ่กำลังซัดสาดเข้าหารอยร้าวนั่นจนปริแตก หยาดน้ำตามากมายไหลทะลักออกมาอีกครั้ง

 

“ฮือ ฮึ่ก เสียงหัวเราะ… มินโฮกำลังมีความสุขใช่ไหมแทฮยอน ฮึ่ก…” แม้ซึงยุนจะพยายามปิดปาก แต่เสียงสะอื้นไห้ราวจะขาดใจกลับดังไปทั่วทั้งห้อง

 

“นายไม่จำเป็นต้องทน !” เส้นความอดทนของแทฮยอนขาดผึ่งลงทันที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น กี่ครั้งแล้วที่ซึงยุนต้องมาหาเขาด้วยสภาพเช่นนี้ ร่างกายที่อ่อนล้าแทบจะไร้เรี่ยวแรง รอยยิ้มฝืดเฝื่อน ดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำสีใส เสียงสะอื้นไห้ราวกับจะตายเสียให้ได้ มันดูทุกข์ทรมานและบีบหัวใจเขาเหลือเกิน

 

“เจ้านั่นมันทำถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมนายถึงยังต้องทน !” แทฮยอนพูดอย่างหัวเสีย ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะปลอบประโลมคนตรงหน้าได้อีกต่อไป มือบางกำเข้าหากันแน่นจนสั่นไปหมด เขาโกรธ โกรธคนที่ทำให้เพื่อนเขาต้องเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากแต่คนที่เขาโกรธกว่าก็คือตัวเพื่อนเขาเอง

 

เพื่อน คนที่ยอมทุกอย่างเพื่อผู้ชายคนนั้น…

 

เพื่อน คนที่ไม่ยอมปล่อยมือจากผู้ชายเลวๆ แบบนั้น !

 

“ฮึ่ก ฮึ่ก ฮือ ฮึ่ก อึก …” เสียงสะอื้นไห้ยังคงดังก้องกลางความเงียบสงัด ซึงยุนหลบสายตาแทฮยอนเหมือนเด็กทำความผิด เขารู้ เขารู้ดีว่าแทฮยอนหงุดหงิดแค่ไหนที่ต้องมารับฟังปัญหาเดิมซ้ำๆ

 

“แค่ปล่อยมือ แค่ปล่อยมือมันไปซึงยุน ฉันรู้ว่านายทำได้” แรงบีบที่ไหล่ทำให้ซึงยุนละใบหน้าออกจากฝ่ามือ ก่อนจะโผเข้ากอดเพื่อนตัวสูงอย่างแรง

 

“ฉันทำไม่ได้หรอกแทฮยอน ไม่มีทางทำได้…” ใบหน้าขาวส่ายไปมา

 

“ถ้าไม่มีเขา ฉันอยู่ไม่ได้หรอก” เอ่ยเสียงเบาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน สัมผัสเปียกชื้นที่เสื้อบางทำให้แทฮยอนได้แต่กลืนคำพูดลงคอ ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลูบหัวทุยนั่นอย่างปลอบประโลม

 

 

 


 

 

 

…หวังเพียงให้หยาดฝนร่วงหล่นลงมา

ก่อนที่ลำต้นอวบอิ่มจะแห้งเหี่ยวเฉาตายท่ามกลางความแห้งแล้งที่ยาวนาน…

 

 

 

เสียงกีต้าร์ดังขึ้นเป็นทำนองเพลงคุ้นหู ปลุกให้ร่างหนาตื่นขึ้นจากห้วงแห่งความฝัน น่าตลกสิ้นดีที่เสียงเพลงทำนองเอื่อยเฉื่อยนี้กลายเป็นเพลงที่ปลุกเขาในทุกๆ เช้า ไม่หรอก อาจเรียกไม่ได้ว่าเป็นการปลุก ความจริงแล้วเสียงกีต้าร์นั่นเบาจนไม่สามารถปลุกเขาให้ตื่นได้หรอก หากแต่ทุกเช้าที่มินโฮลืมตาตื่นขึ้นมา เขาก็มักจะได้ยินท้วงทำนองเดิมนี้เสมอ

 

ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วสาวเท้าไปยังที่มาของเสียง ประตูเลื่อนบานใสถูกเปิดออกช้าๆ ปรากฏให้เห็นภาพของชายหนุ่มร่างบางกำลังนั่งเกากีต้าร์ตัวโปรดอยู่ น้ำเสียงที่เปร่งออกมานั้นช่างบางเบา จนคล้ายกับจะถูกกลืนไปกับสายลมเย็นที่พัดผ่าน บทเพลงถูกขับขานออกมาจากจากริมฝีปากอิ่ม ราวกับแผ่นเสียงที่ถูกตั้งไว้ให้เล่นเพลงเดิมซ้ำไปซ้ำมา

 

♪…Man, it’s been a long day
Stuck thinking ’bout it driving on the freeway
Wondering if I really tried everything I could
Not knowing if I should try a little harder

Oh, but I’m scared to death
That there may not be another one like this
And I confess that I’m only holding on by a thin thin thread

I’m kicking the curb cause you never heard
The words that you needed so bad
And I’m kicking the dirt cause I never gave you
The place that you needed to have
I’m so sad, saaad

Man, it’s been a long night
Just sitting here, trying not to look back
Still looking at the road we never drove on
And wondering if the one I chose was the right one
Oh, but I’m scared to death
That there may not be another one like this
And I confess that I’m only holding on by a thin thin thread

I’m kicking the curb cause you never heard
The words that you needed so bad
And I’m kicking the dirt cause I never gave you
The place that you needed to have
I’m so sad, saaad
I’m so sad, so sad

Oh, but I’m scared to death
That there may not be another one like this
And I confess that I’m only holding on by a thin thin thread

I’m kicking the curb cause you never heard
The words that you needed so bad
And I’m kicking the dirt cause I never gave you
The place that you needed to have
And I’m kicking the curb cause you never heard
The words that you needed so bad
I’m so sad, so sad… ♫

 

“เพลงนี้อีกแล้วหรอ” ยืนฟังมาได้สักพัก เสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้น แม้เพลงนี้จะเป็นเพลงเดียวกับเสียงเรียกเข้าที่เขาใช้อยู่ แต่ตอนนี้น้ำเสียงหวานหูกลับทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กๆ

 

ซึงยุนสะดุ้งเล็กน้อยกับการมาของร่างสูง ละความสนใจจากกีต้าร์ตัวสวยเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาคมที่จ้องมองตน ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ขอโทษนะ ฉันทำให้นายตื่นรึเปล่า”

 

“เปล่าหรอก” มินโฮยักไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับเพื่อเดินจากไป สองขาแกร่งชะงักพร้อมเอ่ยคำพูดที่เป็นดั่งคมมีดกรีดลึกลงกลางใจของคนฟัง

 

“ซึงยุน นายรู้อะไรไหม…?”

 

“………..”

 

“ต่อให้ฉันจะชอบเพลงนี้มากแค่ไหน แต่ถ้าฟังบ่อยๆ มันก็เบื่อได้เหมือนกันนะ”

 

“ทำอะไรอยู่ ขอฟังด้วยซิ” แรงสวมกอดจากด้านหลังของคนตัวสูงทำเอาซึงยุนตกใจไม่น้อย ร่างบางไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยสักนิด เขามัวแต่จับจ้องไปยังกีต้าร์ตัวเก่งและแผ่นกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าเท่านั้น สัมผัสจากริมฝีปากเข้มที่กดลงมาตามลำคอขาวระหงส์นั่นทำให้คนตัวเล็กต้องโยกตัวหลบอย่างขวยเขิน

 

“เพลงที่นายชอบไง ฉันกะว่าจะลองแกะคอร์ดไว้เล่นให้นายฟัง ดีไหม ?” ซึงยุนวางกีต้าร์ลงอย่างเบามือ แกะมือใหญ่สีเข้มที่โอบรอบเอวตนเองออก ก่อนจะหันมาส่งยิ้มจนตาหยีให้กับเจ้าของมือปลาหมึกนั่น แก้มใสขึ้นสีน้อยๆ แลดูน่าเอ็นดูยิ่งนัก

 

“ว๊าว แฟนใครเนี่ย ทำไมน่ารักจัง หึ๊ ?” ถามออกไปอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ แกล้งทำตาโตให้เหมือนตื่นเต้นเสียเต็มประดาเพื่อเอาใจคนตัวเล็ก ก่อนจะดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดแน่น ริมฝีปากหยักกดลงกับกลุ่มผมนุ่มอย่างหลงใหล

 

“เดี๋ยวจะเล่นให้ฟังจนเบื่อไปเลย ฮิ” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับคำเอาใจจากร่างหนา

 

“มันไม่มีวันนั้นหรอก ฉันสัญญา” น้ำเสียงหนักแน่นที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นดังขึ้นแผ่วเบาข้างใบหูเล็กที่ขึ้นสีแดงเรื่อ มันอบอุ่นจนซึงยุนอดไม่ได้ที่จะกระชับกอดคนตรงหน้าให้แน่นขึ้นไปอีกเท่าตัว รอยยิ้มน่ารักระบายไปทั่วทั้งใบหน้าขาว

 

ความทรงจำแสนหวานในวันวานฉายชัดขึ้นมาให้ห้วงของความคิด ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายสั่นสะท้านจนรู้สึกเจ็บไปหมด ความเจ็บปวดที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะหัวใจที่เต้นแรงเหมือนแต่ก่อน หากแต่เจ็บเพราะมันเดินเชื่องช้าเสียจนรู้สึกปวดหนึบ แผ่วเบาเหมือนใกล้จะหยุดเต้นเสียเต็มที

 

ในที่สุดวันที่ซึงยุนนึกกลัวมาตลอดก็มาถึง…

 

วันที่นายเอ่ยปากออกมาว่าเบื่อมันเสียแล้ว…

 

บทเพลงที่นายเคยชื่นชอบ…

 

สัญญานั่นมันหมดสิ้นความหมายแล้วจริงๆ ใช่ไหม ซงมินโฮ…

 

 

 


 

 

 

กริ๊ง !

 

กระดิ่งพวงเล็กกระทบกับบานประตูกระจกใสจนเกิดเสียง ซึงฮุนกวาดสายตามองไปยังมุมที่อยู่ลึกสุดของร้าน ขายาวก้าวไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะสาวเท้าเดินไปหาบุคคลที่นั่งรออยู่โต๊ะริมสุดด้านใน ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้สีขาวอย่างคุ้นเคย จ้องมองคนตรงหน้านิ่งๆ ไร้ซึ่งบทสนทนา ท่าทีผ่อนคลายของมินโฮกระตุ้นต่อมความรู้สึกของซึงฮุนได้ไม่น้อย

 

“แทฮยอนเล่าให้กูฟังหมดแล้ว” เมื่อความเงียบก่อตัวขึ้นจนเกิดเป็นความอึดอัด คนตัวสูงจึงตัดสินใจเปิดปากพูดอย่างหมดความอดทน

 

“…………….”

 

“มึงทำกับซึงยุนเกินไปแล้วนะไอ้มินโฮ” ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับจากคนตรงหน้า มินโฮทำเพียงเคาะนิ้วเรียวลงไปยังแก้วกาแฟสีขาวขุ่นนั่นเบาๆ

 

“…………….”

 

“มึงรู้ไหม เขารู้ทุกอย่าง… เพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่พูด”

 

“…………….”

 

รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นเหนือริมฝีปากสีเข้ม ใบหน้ามินโฮยังคงเรียบเฉยจนซึงฮุนได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเอือมระอา

 

“ถ้ามึงไม่รักเขาแล้วก็ปล่อยเขาไปดิวะ”

 

“…………….”

 

ปึ่ก !

 

มือขาวตบลงโต๊ะ มันไม่ได้แรงมากนัก ราวกับผู้กระทำตั้งใจเรียกสติคนตรงหน้า ท่าทีของรุ่นน้องคนสนิทที่แสดงออกราวกับทองไม่รู้ร้อนทำให้ซึงฮุนรู้สึกเคือง เข้าไม่เข้าใจการกระทำของมินโฮเลยจริงๆ

 

“มึงนี่มัน… เฮ้อ !” พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป

 

 

 


 

 

 

…ใช้น้ำที่กักเก็บตามลำต้น เพื่อหล่อเลี้ยงตัวเอง

ผลัดใบเขียวให้กลายเป็นหนามแหลมเพื่อลดการสูญเสียน้ำ…

 

 

 

แกร่ก…

 

สองเท้าเล็กก้าวผ่านบานประตูสีเข้มก่อนจะปิดมันลงอย่างเบามือ มินโฮคงหลับไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว และนี่คงเป็นเวลาดึกมากพอที่อีกฝ่ายจะจมลงสู่ห้วงนิทราลึก

 

ซึงยุนถอดเสื้อตัวนอกออกก่อนจะเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำเล็กน้อยแล้วจึงก้าวขึ้นเตียงที่มีอีกชีวิตนอนหลับใหลอยู่อย่างระวัง เขาไม่อยากเสียงดังจนทำให้มินโฮต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังหึ่งจากการทำงานช่วยทำให้ทั้งห้องไม่เงียบจนเกินไป ร่างบางแทรกกายเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา แสงไฟจากเสาต้นสูงด้านนอกทำให้ภายในห้องยังพอมีแสงสว่างอยู่รำไร ฉายให้เห็นใบหน้าของคนรักที่ห่างกันเพียงคืบ สองมือเล็กค่อยๆ ยกขึ้นลูบไล้ใบหน้านั้นอย่างแผ่วบา สัมผัสที่คิ้วหนา เลื่อนไล่ลงมายังดวงตาคมที่ปิดสนิท จมูกโด่งสวยเป็นสันที่เข้ากันได้ดีกับโครงหน้าหล่อ และจบลงที่ริมฝีปากหยักสีเข้ม

 

น้ำสีใสรื้อขึ้นมาในดวงตาคู่สวยอีกครั้ง มือขาวผละออกจากใบหน้าของคนรัก ก่อนจะเช็ดมันออกไวไวเมื่อรู้สึกว่าคนข้างกายกำลังฟื้นคืนจากห้วงนิทรา ตาคมเปิดออกช้าๆ มินโฮจ้องมองซึงยุนนิ่ง ริมฝีปากกระตุกยิ้มออกมาบางๆ

 

“ไปไหนมา ฉันนึกว่านายจะไม่กลับซะอีก” มินโฮพูดขึ้นพร้อมดึงคนข้างกายเข้ามากระชับกอดเบาๆ หัวใจดวงน้อยของคนในอ้อมกอดเต้นแรงกับสัมผัสที่ได้รับ สัมผัสอ่อนโยนที่เคยคุ้น สัมผัสที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ

 

นานแล้วนะ นานมากเหลือเกินที่ไม่ได้สัมผัสมัน…

 

“……………….”

 

คนถูกถามไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหัวไปมาอยู่ในอ้อมกอดของคนถาม มือบางเอื้อมโอบกระชับกอดร่างสูงไว้แน่น น้ำตาที่พยายามข่มกลั้นไว้ไหลออกมาอีกครั้ง

 

ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างพร้อมกับกระชับกอด ‘คนรัก’ ให้แน่นขึ้นไปอีก ซึงยุนกำลังพยายาม… พยายามตักตวงความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้ให้ได้มากที่สุด

 

อ้อมกอดที่เขาโหยหา

 

อ้อมกอดของคนที่เขารัก

 

อ้อมกอดที่แม้จะเป็นของใครอีกคน…

 

บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร… ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่เขาก็ขอเลือกที่จะไม่สนใจ หากสัมผัสอบอุ่นของคนตรงหน้าจะช่วยเยียวยาให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ท่ามกลางความหนาวเหน็บของทะเลทรายยามค่ำคืน…

 

เขาอุ่นใจ… แม้ความอบอุ่นใจนี้ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

 

 


 

 

เสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอแสดงให้รู้ว่าคนให้อ้อมกอดเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ความเปียกชื้นของเนื้อผ้าบริเวณหน้าอกสร้างความเย็นวาบให้กับผิวกาย ร่างหนาค่อยๆ ดันคนในอ้อมกอดออกเล็กน้อย พอให้จ้องมองใบหน้านั้นได้อย่างถนัดตา มือสีเข้มยกขึ้นสัมผัสเบาๆ ไปยังแก้มใสของคนตรงหน้า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ลูบไล้ขอบตาสวยที่บัดนี้บอบช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักอย่างลืมตัว

 

ริมฝีปากสีเข้มกระตุกขึ้นยิ้มอีกครั้ง นัยน์ตาคมสั่นไหววูบเมื่อนึกถึงคำถามของอีซึงฮุนเมื่อตอนกลางวัน คำพูดทุกคำยังคงดังก้องไปทั่วทั้งความคิดของเขา

 

คนตัวเล็กนั่นต้องเจ็บปวดแค่ไหนกับการกระทำของเขา

 

รู้สิ ทำไมมินโฮจะไม่รู้ล่ะ…

 

ทุกเรื่องของคังซึงยุนน่ะ เขารู้ดีที่สุด

 

แต่เขามันก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง

 

เมื่อไหร่นายจะเลิกรักฉันเสียที

 

ถึงเวลานั้นนายคงจะปล่อยมือไปจากฉันไปได้ใช่ไหม ?

 

เพราะตัวฉันเองไม่มีความกล้าพอที่จะปล่อยมือนายหรอก คังซึงยุน…

 

 

 


 

 

 

…ท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้ง…

ต้นกระบองเพชรไม่อาจหลีกหนีไปไหนได้

…อาจจะต้องใช้ความอดทน…

อดทนรอหยาดฝนฉ่ำร่วงโรย เพื่อหล่อเลี้ยงลำต้นให้มีชีวิตอยู่ต่อไป

 

 

 

-End-

 

 

 


 

Talk  :  ลองเขียนแนวนี้ครั้งแรกค่ะ ติชมกันได้นะคะ โดยสามารถคอมเม้นท์ไว้ในนี้หรือพูดคุยกันผ่านทาง twitter ก็ได้น๊า ขอบคุณมากค่าาา ><

(24-06-58) ตอนนี้เราสร้างแท็กรวมฟิคสั้นของเราแล้วนะคะ ใครไม่สะดวกเม้นท์ไว้ในนี้สามารถคอมเม้นท์ผ่านเฮชแท็ก #fzwwnfic ในทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

 

Tagged , , , , , , , , , , ,

2 thoughts on “[SF] Cactus – Minho x Seungyoon

  1. PHY says:

    😭😭😭😭😭 แอบลุ้นว่าจะจบแบบแฮปปี้

    Liked by 1 person

  2. Miracle RiiN says:

    ชอบมากเลยค่ะ ฮรืออออ ทำไมพึ่งเคยอ่านน ไรท์สู้ๆนะคะ รอเรื่องต่อๆไปอยู่น้าาา 💕

    Liked by 1 person

Leave a comment